วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

สียาทาเล็บ Etude Deardarling Petit nail

พอดีเห็นเพื่อนๆ รีวิวกันเลยขอรีวิวมั่งนะคะ ^^
ปกติไม่ใช่คนชอบทาเล็บเท่าไร แต่เห็นฮาวทู
พี่ปอ (por_fish)
พี่เค้าเพ้นท์เล็บสวยมาก แล้วก็ดูไม่ยาก เลยสั่งมาลองทำมั่ง
แต่บางทีขี้เกียจก็เลยทาเดี่ยวๆ ในแต่ละรูปจะทาสองรอบนะคะ
แต่น้ำหนักปริมาณสีอาจจะไม่เท่ากันนัก ขออภัยด้วยค่ะ




สีแรก OR 202 สีส้มใสๆ มีประกายสีทองวิบวับ
สีทาเล็บของอีทูดี้ ขวดเล็กๆ น่ารัก ราคาไม่แพงด้วยค่ะ (40 บาท) 
เทียบกับคุณภาพที่ทาง่าย ล้างง่าย
แต่การที่ล้างง่าย มันก็ทำให้สีติดไม่ทนนักนะคะ
ถ้าไม่ทาเคลือบ วันที่สองก็เริ่มลอกแล้วล่ะค่ะ



สีที่ 2. BR 304 สีน้ำตาลประกายทอง
ลักษณะเดียวกับ OR 202 เลยค่ะ ต่างกันแค่คนละสี
ทาแล้วมือขาวทั้งสองสีเลย ชอบค่ะ




สีที่ 3. PK 007 สีชมพูมุก
ทาแล้วได้ลุคคุณหนู เป็นสาวหวานขึ้นมาทันทีเลยค่ะ



สีที่ 4. PP 904 สีม่วงทึบ ไม่มีประกาย
แต่เป็นสีสว่างๆ ทาแล้วหวานเช่นเดียวกันค่ะ



สีที่ 5. RD 102 สีแดงประกายทอง
แต่พอทาแล้วไม่ค่อยแดงเลยค่ะ ออกส้มแดงมากกว่า
แถมสีอ่อนมากด้วย
ไม่เหมือนในขวด
สีนี้เราผิดหวังมากอ่ะ ดีที่ไม่แพง  ไม่งั้นเสียดายเงินแน่ๆ





สีที่ 6. PK 008 สีชมพูมีวิ้งๆ ประกายชมพุและเงิน
เนื้อเดียวกับสี BR 304 กับ OR 202 ค่ะ

สีในขวดจะดูสดนิดนึง แต่พอทาแล้วเนื้อมันค่อนข้างอ่อนใส
เลยไม่แปร๋นเหมือนในขวดค่ะ ชอบเหมือนกัน 



สีที่ 7. GR 604 สีเขียวอมฟ้าน้ำทะเล
เนื้อมุก นะคะ เม็ดสีเข้มมาก เฉพาะสีนี้ทารอบเดียวเองค่ะ



สีที่ 8. WH 706 สีดำ ดำสนิทจริงๆ ค่ะ
ซื้อมาตั้งใจเอามาใช้กับตัวปั๊มลาย
ใช้ได้ดีเลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องซื้อสีสำหรับปั๊มเลยค่ะ

แต่ข้อเสียคือแห้งช้าหน่อย
ถ้าใช้กับตัวปั๊มต้องรอให้แห้งสนิทจริงๆ
ไม่งั้นจะเป็นเส้นเลย 
 ไม่สวยต้องลบทำใหม่




สีที่ 10. สีสุดท้ายแล้วค่ะ in2it nail colour 09 pinky
สีชมพูขาว สีอ่อนมากๆ ทาแล้วธรรมชาติดีค่ะ
แต่รู้สึกว่าทายากอ่ะ
สีไม่ค่อยสม่ำเสมอ
หรือเราทาไม่เป็นเองไม่รู้

ที่มา : http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=47109

ขอขอบคุณ maynakiris สำหรับข้อมูลดี ๆ


วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ควรรู้... ก่อนจะพอกหน้า



   ประโยชน์ของการพอกหน้า  

           การพอกหน้ามีประโยชน์ต่อผิวหน้าทุกประเภทในด้านต่างๆ เช่น ดูดซับสิ่งสกปรกช่วยความสะอาดผิวหน้า ดูดซับน้ำมันส่วนเกินสำหรับผู้ที่มีผิวมัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผู้ที่มีผิวแห้ง ช่วยทำให้ใบหน้ากระชับ สด ชื่น ลบเลือนรอยหมองคล้ำ หลังการใช้มาสค์พอกหน้า ผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงความสะอาด สดใสของผิวหน้า

   การแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์สำหรับพอกหน้า   

        1. แบ่งตามลักษณะภายนอกของมาสค์

             1) มาสค์ลักษณะเป็นโคลน (mud mask) หรือ clay mask อาจมีสีเขียว เทาดำ ขาว เป็นต้น มักเป็นประเภทที่มี สรรพคุณช่วยทำความสะอาดผิวหน้า เมื่อปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที มักมีลักษณะแห้งติดผิว จึงต้องเช็ดด้วย ผ้านุ่มผสมน้ำอุ่นเช็ดหรือล้างออกด้วยน้ำอุ่น สิ่งสกปรกต่างๆก็จะถูกกำจัดออกไปด้วยในขณะล้างออกไป
             2) มาสค์ลักษณะครีม (cream mask) มีลักษณะเป็นเนื้อครีมข้น อาจมีสีขาว สีต่างๆขึ้นกับส่วนประกอบและสาร แต่งสี มักเป็นมาสค์ที่มีสรรพคุณเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว มักปล่อยให้อยู่บนผิวหน้าสักระยะหนึ่งเพื่อให้ สารบำรุงผิวดูดซึมเข้าสู่ผิวหนัง ลักษณะของครีมบนผิวหนังจะไม่แห้ง เพียงใช้กระดาษนุ่มหรือแผ่นสำลีเช็ด ออกเบาๆได้ มาสค์ลักษณะครีมบางชนิดผสมสารพอลิเมอร์ซึ่งเมื่อระเหยแห้งจะติดเป็นฟิล์มบางบนผิวหน้าที่ สามารถลอกออกได้ ในขณะดึงออก เซลล์ผิวหน้าที่หมองคล้ำรวมทั้งสิวเสี้ยนบางส่วนก็จะถูกกำจัดออกไปด้วย
             3) มาสค์ลักษณะเจล (gel mask) มีลักษณะใส ข้นหนืด ข้น มีสีต่างๆจากสีของส่วนประกอบตามธรรมชาติและ จากการแต่งสี อาจเป็นมาสค์ในกลุ่มที่มีสรรพคุณหลายอย่างคือ ทำความสะอาดผิวหน้า ขจัดเซลล์ผิวหนังเก่า ออก ช่วยดีท็อก และช่วยบำรุงผิว เมื่อทาทิ้งไว้บนผิวหน้ามักจะมีลักษณะแห้งเป็นฟิล์มบาง ๆ ซึ่งเมื่อแห้งสนิท สามารถดึงลอกออกเป็นแผ่นให้หลุดออกจากผิวหน้า ในขณะดึงออก เซลล์ผิวหน้าที่หมองคล้ำรวมทั้งสิวเสี้ยน บางส่วนก็จะถูกกำจัดออกไปด้วย
             4) มาสค์แบบผง (mask powder ) มีลักษณะเป็นผงแห้งบรรจุในภาชนะเป็นขวดกระปุก หรือซอง เมื่อต้องการ ใช้อาจผสมกับส่วนผสมที่เป็นน้ำยาที่ผสมสารประกอบอื่นๆ ทำให้ได้เป็นครีมข้น หรืออาจผสมผงมาสค์กับน้ำ ได้เป็นครีมหรือเจลข้น เมื่อทาบนผิวหน้า บางยี่ห้อมีลักษณะแห้งติดแน่นบนผิวหนัง ต้องใช้น้ำอุ่นชะให้นุ่มลง จึงล้างออก บางยี่ห้ออาจแห้งเป็นแผ่นฟิล์มบางแล้วดึงลอกออก
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์มาสค์แบบเป็นเม็ดที่เมื่อผสมน้ำจะได้เป็นครีมข้นสามารถทาบนผิวหน้าได้
             5) มาสค์แผ่นสำเร็จรูป (sheet mask) มีลักษณะเป็นแผ่นลักษณะกลม ขนาดรูปหน้า เจาะเฉพาะส่วนตาและริม ฝีปาก มีสรรพคุณช่วยกระชับผิว บำรุงผิวให้ความชุ่มชื้น มักจะชุบน้ำยาเข้มข้นของสารที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว ต่างๆ เช่น collagen, ceramides, สารสกัดจากพืช ที่ช่วยกระชับผิว บำรุงผิว ลดอาการอักเสบ เป็นต้น มักบรรจุใน ซองปิดสนิทแยกสำหรับมาสค์แต่ละแผ่น เมื่อใช้จะฉีกซองออกปิดบนใบหน้าทิ้งไว้ให้สารทำหน้าที่ได้เต็มที่ อาจใช้จนแผ่นมาสค์เริ่มแห้ง

         2 แบ่งตามประโยชน์หลัก โดยที่จริงแล้ว คุณประโยชน์จากมาสค์พอกหน้าชนิดหนึ่งอาจมีมกกว่าหนึ่ง เช่นทำ ความสะอาดด้วย บำรุงผิวด้วย เป็นต้น
             1. มาสค์พอกหน้าผสมเคลย์ (clay mask)
               - ช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้า
               - ดูดซับน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนบนผิวหน้า
               - ช่วยกำจัดสิ่งพิษหรือสิ่งที่ทำลายผิว (detoxifying) ปรับสมดุลของผิวหน้า มักเหมาะสมกับผิวปกติและผิวมัน ผิววัยรุ่น ผิวที่มีปัญหาสิว

          ส่วนประกอบมักได้แก่
           - สารที่เป็นเคลย์จากธรรมชาติ เช่น เบนโทไนต์ (bentonite) คาโอลิน (kaolin) มอนต์มอริลโลไนต์ (montmorillonite)
           - กรีนเคลย์ (green clay ) หรือ argile verte เป็นเคลย์ธรรมชาติซึ่งอุดมด้วยเกลือแร่ที่มี ประโยชน์ เช่น ซิลิกา อะลูมินา แมกนีเซียม แคลเซียม เหล้ก ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซียม ทองแดง สังกะสี ซีลีเนียม โคบอลต์ แมงกานีส ฯลฯ
           -เคลย์ฟุลเลอร์เอิร์ธ (Fullers Earth Clay) เป็นเคลย์ธรรมชาติ ประกอบด้วยอะลูมินา ซิลิกา เหล็กออกไซด์ หินปูน แมกนีเซียม ฯลฯ มีคุณสมบัติในการกำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกบนผิวหน้าได้ดี ทำให้ ผิวหนังส่วนหนังกำพร้าสดใส มีการนำมาใช้ประโยชน์สำหรับปัญหาสิว และ ฝ้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวปกติ จนถึงผิวมัน
           -คาโอลิน เหมาะสำหรับผิวปกติจนถึงผิวมัน ช่วยทำความสะอาดดูดซับสิ่งสกปรก ขจัดสิ่งพิษ เรียกว่า detoxifying และมีฤทธิ์ฝาดสมาน
           - น้ำมันหอมระเหย ที่มีสรรพคุณยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย บางชนิดมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ เช่น tea tree oil, lemon grass oil

           - สารจากธรรมชาติ เช่น
            - Dead Sea Salts มักผสมอยู่ในมาสค์ที่เรียกว่า Dead Sea Mud ซึ่งอุดมด้วยเกลือแร่ แร่ธาตุที่ เป็นสารอาหารแก่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังผ่อนคลายและอ่อนวัย
            - ว่านหางจระเข้ (aloe vera) มีสรรพคุณรักษาการอักเสบ ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น
            - สารสกัดชาเขียว (green tea extract) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ จึงมีสรรพคุณชะลอความแก่ และ ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่ถูกทำลายจากรังสีอัลตราไวโอเล็ตจากแสงแดด
            - สารสกัดคาโมไมล์ (chamomile extract) ช่วยลดการอักเสบของผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าสดชื่น
            - strawberry ให้ alphahydroxy acid ช่วยกำจัดเซลล์ผิวหน้าที่หมดสภาพให้หลุดออกผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวหน้าสดใส
            - แตงกวา ช่วยทำให้ผิวหน้าสดชื่น
            - โยเกิร์ต ทำให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม ทำให้เย็นสดชื่น
            - นม ช่วยกำจัดเซลล์ผิวหน้าที่หมดสภาพให้หลุดออก ทำให้ผิวนุ่ม
            - น้ำผึ้ง ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย บำรุงผิว
            - กรดผลไม้ (alphahydroxy acids) และเอนไซม์จากผลไม้ (fruit enzymes) ช่วยกำจัดเซลล์ผิว เก่า ผลัดเซลล์ใหม่ ทำให้ใบหน้าสดใส เช่น สับปะรด มะนาว มะขาม มะขือเทศ สตรอเบอรี
            - วิตามินอี วิตามินบี5
            - สารอื่นๆ เช่น allantoin ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้น ช่วยฝาดสมาน ทำให้ใบหน้าสดใส
            - สารอื่นๆในการช่วยขัดถู (scrub)
            - เปลือกของพืชตระกูลส้ม (citrus peel powder) ช่วยในการสมานผิว
            - ข้าวโอ๊ต (oatmeal) บำรุงผิว ทำให้ผิวหน้าสดชื่น
            - นมผง ทำให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม
            - กลีบดอกกุหลาบบด ให้กลิ่นหอม

            - สารช่วยกำจัดสิ่งพิษ (detoxify) ได้แก่

            - ไฮโดรเจนเพอออกไซด์ (hydrogen peroxide) เป็นตัวกำเนิดออกซิเจน (oxygenator)
            - เอนไซม์ ซึ่งกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเพื่อนำส่งออกซิเจนสารอาหาร ออกซิเจนและ ความชุ่มชื้นสู่เซลล์ผิวหนัง เชื่อว่าเป็นการกระตุ้นสิ่งพิษ (toxins)และกำจัดของเสียที่สะสมในเซลล์ เช่น
            - สารสกัดจากมะละกอ (papaya extract), เอนไซม์พาเพน (papain enzyme) จากมะละกอ ต้อง ระวังการใช้สารนี้เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบ ระคายเคือง แพ้สำหรับผิวที่ไวแพ้ง่า

        2. มาสค์ให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว (Hydrating and moisturizing masks) มีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ช่วยกระชับผิว ช่วยความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้ผิวผ่อนคลายและอ่อนกว่าวัย

            ส่วนประกอบได้แก่ เนื้อครีมที่ให้ความชุมชื้น และผสมสาระสำคัญอื่นๆ เช่น
           - สารบำรุงผิว เช่น sodium hyaluronate, jojoba oil, evening prom rose oil น้ำผึ้ง สารสกัดจากสาหร่าย สีแดง (red marine algae exract) coenzyme Q10, collagen ซึ่งมีสรรพคุณในการลดหรือชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น. elastin, grapeseed oil, ceramides เป็นต้น
          - สารสกัดจากพืช เช่น cucumber extract, green tea extract, chamomile extract aloe vela extract
          - สารทำให้ผิวขาว (whitening agent) เช่น อนุพันธ์ของวิตามินซี (vitamin C derivatives) เช่น magnesium ascorbyl phosphate, fruit extracts, hydroxyl acids จากผลไม้ เช่น แอบเปิ้ล มะนาว
          - วิตามิน อี วิตามินบี5
          - สารกระชับผิว เช่น สารสกัดจากดอกกุหลาบ น้ำกุหลาบ (Rosa Damascena Flower Water)

   วิธีการพอกหน้า  

          สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายโคลน เป็นครีม เป็นเจล หรือ เครื่องสำอางพอกหน้าที่เตรียมขึ้นเอง เพื่อใช้พอกหน้า ลักษณะโดยรวมคือความข้น หนืด ทำให้ช่วยในการทาให้ติดผิวได้ง่าย

          1. ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยทามาสค์พอกหน้าให้ทั่วทุกส่วนของใบหน้าและลำคอให้สม่ำเสมอ ไม่หนาหรือบางเกินไป แม้แต่ซอกข้างจมูก แต่ต้องเว้นอยู่ 2 ส่วนที่ไม่พอก คือ รอบดวงตา และริมฝีปาก ให้พอกมาสค์เว้นเป็นวงรอบ ดวงตาและริมฝึปาก เพราะเป็นผิวหนังส่วนที่บอบบาง
         การทามักเริ่มจากบริเวณแก้ม ควรเคลื่อนวนนิ้วเป็นวงในทิศทางขึ้นและออกไปทางด้านข้างใบหน้าจนทั่ว

          2. ทิ้งมาสค์ไว้บนผิวหน้าระยะหนึ่ง อย่างน้อยประมาณ 30 นาที แล้วแต่ที่ผลิตภัณฑ์กำหนดไว้ในวิธีการใช้ เพื่อให้มาสค์ทำหน้าที่และให้ประโยชน์อย่างเต็มที่ มาสค์ส่วนใหญ่จะแห้งติดผิวหน้า ในช่วงนี้ควรระวังไม่ขยับ เขยื้อนหรือมีการเคลื่อนขยับผิวหน้า เช่น หัวเราะ ยิ้ม พูด เพราะจะทำให้มาสค์หลุดออก หรือมาสค์ประเภท กระชับผิวหน้าหรือทำให้ความสะอาดลอกสิวเสี้ยนที่เมื่อทาแล้วแห้งเป็นฟิล์มบางๆให้ลอกออกเป็นแผ่น หาก ขยับเขยื้อนผิวหน้าขณะทา ฟิล์มจะย่น หรือขาดทำให้ได้ผลในการกระชับได้ไม่เต็มที่
           วิธีที่ดีคือ อาจจะนอนหลับตา ผ่อนคลายสบายๆระหว่างทิ้งให้มาสค์พอกหน้าแห้ง ไม่ควรเร่งให้มาสค์พอกหน้า แห้งเร็วขึ้นด้วยการเป่าด้วยเครื่องเป่าแห้ง ควรปล่อยให้แห้งตามปกติ จะทำให้มาสค์ให้ประโยชน์ได้เต็มที่

          3. เช็ดมาสค์พอกหน้าออก ด้วยผ้าหรือแผ่นสำลีนุ่มที่ชุบน้ำอุ่นๆ หลายๆครั้ง เบาๆ จนออกหมด จากนั้นจึงซับ หน้าให้แห้ง หากเป็นพวกเจลมาสค์พวกนี้จะเป็นฟิล์มติดผิว ให้ดึงลอกออกเป็นแผ่น การลอกจะเริ่มดึงจาก ส่วนบนของใบหน้าคือ หน้าผาก ค่อยดึงลงออก

   ข้อระวังในการพอกหน้า   
          1. ผู้ที่มีผิวผสม อาจจะใช้มาสค์พอกหน้าประเภทโคลนพอกน้า เฉพาะส่วนทีโซน (T-zone) ก็คือ หน้าผาก สัน จมูก คางและแก้ม (ส่วนกลางแก้ม)
          2. ผู้ที่มีผิวไว แพ้ง่าย อาจต้องทดสอบการแพ้ของมาสค์พอกหน้าก่อน โดยลองพอกกับผิวหนังส่วยด้านในของ ข้อพับแขน ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีแล้วเช็ดออกหรือล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง สังเกตว่าต้องไม่มี ความปกติของผิวหนังบริเวณที่พอกไว้ เช่น อาการแสบ คัน ระคายเคือง ผื่นแดง ตุ่มคัน ฯลฯ จึงนำมาใช้พอก หน้า
          3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสถูกนัยน์ตา เพราะมาสค์พอกหน้าบางชนิดอาจมีสารที่ระคายเคืองต่อนัยน์ตาได้ง่าย
          4. การเช็ดออกให้ใช้ผ้านุ่มๆหรือสำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆหรือล้างออกด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นตามด้วยน้ำ เย็นเมื่อกระชับผิวหน้า 
          5. ใช้มาสค์พอกหน้าประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากต้องการใช้เพิ่มขึ้นให้ใช้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

   การเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับพอกหน้า  
          ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มาสค์พอกหน้ามากมาย การเลือกใช้ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆเพื่อให้ได้มาสค์ที่เหมาะและ ได้ผลตามที่ต้องการและไม่เกิดผลเสีย เช่น
          1. ลักษณะผิว ผิวหนังโดยทั่วไปมี 3 ลักษณะคือ ผิวปกติ ผิวมัน ผิวแห้ง และหากมีผิวหลายแบบผสมกัน เรียกว่าผิวผสม ผิวมันจะสามารถเลือกใช้มาสค์ต่างๆได้หลายชนิด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในท้องตลาด เป็น มาสค์แบบโคลนหรือเคลย์ หรือเจลมาสค์แบบลอกออกซึ่งสามารถใช้กับผิวปกติ ผิวแห้งได้ดี และยังได้รับ สรพคุณในด้านกระชับผิว บำรุงผิว ดีท็อกด้วยเป็นต้น ส่วนผิวแห้งอาจใช้มาสค์แบบโคลนได้บ้างในการขจัดสิ่ง สกปรกจากใบหน้า แต่ไม่ควรใช้บ่อยนัก อาจใช้เจลมาสค์ในการทำความสะอาดผิวและใช้มาสค์ลักษณะครีมใน การพอกเพื่อให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว 
          2. จุดประสงค์หรือประโยชน์ที่ต้องการ จุดประสงค์ในการใช้มาสค์มีหลายประการ หลักๆก็คือ การทำความ สะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก หรือเพื่อให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว 
          3. ยี่ห้อและราคา จากการสำรวจคร่าวๆ ในต่างประเทศ ราคาของมาสค์พอกหน้ามีความหลากหลายตั้งแต่ จนถึง 0 ซึ่งการเลือกใช้คงต้องพิจารณาขนาดของกระเป๋าเงินและความสมเหตุสมผลเป็นหลัก ซึ่งก็ต้อง อาศัยความรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของมาสค์ว่าจะให้คุณค่าแก่ผิวหนังได้จริงอย่างสมราคาหรือไม่













ที่มา ... เภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

กระชับใบหน้าด้วย 6 ท่าโยคะ

คงไม่มีใครยอมให้ร่องรอยมาเยือนใบหน้ากันง่ายๆ  เพราะความสวยความงามเป็นเรื่องที่ผู้หญิงเราใส่ใจอยู่มิใช่น้อย ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้รอยตีนกาเรียกว่าพี่ ต้องหาทางป้องกันไว้ก่อนดีกว่า และสิ่งที่ทําได้ง่ายๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา แล้วก็ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ก็คือ การทําโยคะใบหน้า ซึ่งเป็นการออกกําลังกายเฉพาะส่วนค่ะ



    ท่าที่ 1 ท่ากลางหน้าผาก
        ให้วางนิ้วชี้ไว้ที่โคนผมกลางหน้าผาก นิ้วนาง วางบนหว่างคิ้วตรึงผิวไว้ แล้วหายใจเข้า ตามองต่ำ เพื่อเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตา ใช้นิ้วกลางกดน้ำหนักบนกล้ามเนื้อ ลูบจากบนลงล่างช้าๆ แล้วหายใจออก จากนั้นเลื่อนมือออกด้านข้าง เพื่อยืดกล้ามเนื้อซ้ายและขวา

    ท่าที่ 2 ท่ากล้ามเนื้อระหว่างคิ้ว
        ใช้นิ้วกลางหรือนิ้วชี้ วางที่หว่างคิ้ว และกดไล่ออกจนถึงกึ่งกลางคิ้ว 

    ท่าที่ 3 ท่ากล้ามเนื้อจมูก
        ท่าแรกใช้นิ้วลูบสันจมูกจากบนลงล่าง ท่าสองใช้นิ้วลูบจากดั้งจมูกออกไปทางโหนกแก้ม


    ท่าที่ 4 ท่ากล้ามเนื้อรอบดวงตา
        ใช้นิ้วลูบรอบดวงตา ทั้งด้านบนและด้านล่าง

    ท่าที่ 5 ท่ากล้ามเนื้อรอบริมฝีปาก
        ใช้นิ้วมือซ้าย กดที่มุมปากด้านขวาเพื่อตรึงผิว ใช้มือขวากดและลูบออกไปใน 4 ทิศทาง ท่าละ 3-5 ครั้ง ได้แก่ เฉียงขึ้นบนไปทางไรผม ด้านข้างตรงไปถึงติ่งหู เฉียงลงทางขากรรไกร และลงมา ที่ปลายคาง โดยทําทั้ง 2 ข้าง 

    ท่าที่ 6 ท่ากล้ามเนื้อคอ
        ใช้ 2 มือ กดบริเวณไหปลาร้า แล้วยืดลําคอขึ้นใน 3 ทิศทาง คือ ตรงเหมือนแหงนหน้าขึ้น ยืดซ้าย และยืดขวา



          หลังยืดกล้ามเนื้อ
          เข้าสู่การออกกําลังกล้ามเนื้อ เต็มที่ โดยย่นหน้าผาก หลับตาปี๋ ยิ้มให้กล้ามเนื้อที่แก้มทํางาน ปฏิบัติท่าละ 3 ครั้ง เมื่อเสร็จแล้วปิดท้ายด้วยการยืดกล้ามเนื้ออีกครั้ง

          ตัวช่วยขณะทําโยคะใบหน้า
          ควรนอนทําโยคะใบหน้าช่วงเช้า หรือก่อนนอน แล้วถ้าอยากช่วยให้ใบหน้าสวยเด้งอีกแรงหนึ่ง ก็ควรฝึกแสดงอารมณ์ทางสีหน้าที่ไม่ใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป เช่น การยิ้ม ควรใช้กล้ามเนื้อ รอบริมฝีปาก และใช้กล้ามเนื้อแก้มออกแรงเล็กน้อยเพื่อยกมุมปากขึ้น อย่ายิ้ม นานเกินไป เพราะจะทําให้กล้ามเนื้อล้าเกิดริ้วรอยลามไปถึงรอบดวงตาได้ง่ายด้วยค่ะ











สธ.เตือนแฟชั่น“เลคกิ้ง”ดำ เสี่ยงไข้เลือดออก



       รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนวัยรุ่นอินเทรนด์แฟชั่น“เล็คกิ้ง”ดำ เสี่ยงป่วยไข้เลือดออก ยุงลายประชิดตัวง่าย เพราะเป็นสีที่ยุงลายชอบ อีกทั้งมีลักษณะเป็นผ้ายืดแนบขา ง่ายต่อการเจาะปากยุง เผยปริมาณยุงลายในปีนี้มีมากทำให้มีคนป่วยมาก ตลอด 7 เดือนเต็มปีนี้มีผู้ป่วยไข้เลือดออกทั่วประเทศ 45,379 ราย พบทุกกลุ่ม มากที่สุดรวมกว่าร้อยละ 50 เป็นวัยรุ่นอายุ 10-24 ปี เสียชีวิต 43 ราย กว่าร้อยละ 80 ถูกยุงลายในบ้านกัด

       ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้น่าห่วงมาก จำนวนผู้ป่วยสูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 40 ตั้งแต่เดือนมกราคม-30 กรกฎาคม 2553 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 45,379 ราย เสียชีวิต 43 ราย โดยพบผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ มากที่สุดคือกลุ่มเด็กโตถึงวัยรุ่น อายุ 10-24 ปี พบร้อยละ 52 ซึ่งต่างจากช่วง 3-4 ปีก่อนที่พบในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปีมากกว่า โดยมีรายงานพบเด็กแรกเกิดอายุต่ำกว่า 28 วัน ป่วยจำนวน 7 ราย ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปป่วย 322 ราย

      กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และอสม. ร่วมกันประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเฉพาะในบ้าน เนื่องจากผลวิเคราะห์จากผู้ป่วยพบว่ากว่าร้อยละ 80 ถูกยุงลายในบ้านกัด ซึ่งแหล่งน้ำในบ้านที่มักมียุงลายวางไข่ ได้แก่ ถังน้ำ โอ่งน้ำ พบได้ร้อยละ 40 รองลงมาคือน้ำหล่อขาตู้กับข้าว แจกัน วิธีการลดปริมาณยุงลายที่ดีที่สุดคือการทำลายลูกน้ำทุก 5 -7 วันเพื่อไม่ให้มีโอกาสโตเป็นยุงเต็มวัย หากบ้านเรือนทั้ง 22 ล้านครัวเรือนช่วยกัน มั่นใจว่าปริมาณยุงลายตัวเต็มวัยจะลดลง เพราะยุง 1 ตัวจะมีอายุประมาณ 30-45 วัน ส่วนเรื่องการรักษาได้เน้นย้ำให้แพทย์ พยาบาลทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐาน หากพบผู้ป่วยทุกอายุที่มีไข้สูง ขอให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก และดูแลใกล้ชิด เพื่อลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด

       ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือการแต่งตัวของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นทั้งเขตเมืองและชนบท ขณะนี้นิยมแฟชั่นเล็คกิ้งหรือกางเกงใส่กันโป๊ ซึ่งเป็นกระแสแฟชั่นฮิตจากเกาหลี มีลักษณะเป็นผ้ายืดมีทั้งขายาว ขาสั้น ขาสี่ส่วน มีหลากสีใส่แนบขา แต่ที่นิยมมากที่สุดคือสีดำ ซึ่งเป็นสีที่ยุงลายชอบ และยุงชนิดนี้จะออกหากินช่วงกลางวันอยู่แล้ว ทำให้ผู้ใส่มีความเสี่ยงถูกยุงลายซึ่งมีปากแหลมกัดเจาะผ่านรูผ้ายืดของกางเกงเข้าไปดูดเลือดได้โดยง่าย หากยุงที่กัดมีเชื้อไข้เลือดออกก็จะทำให้ติดเชื้อและป่วยได้ จึงขอแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงใส่เสื้อผ้าสีโทนทึบ โทนดำ เพื่อหลีกเลี่ยงการยั่วยวนยุงลาย ควรเลือกใช้เสื้อผ้าสีอ่อนๆ สวมใส่กางเกงที่ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัดได้ เช่นกางเกงยีนส์ หรือกางเกงผ้าหนาๆ ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนทุกปี เป็นช่วงระบาดของไข้เลือดออก จะพบผู้ป่วยช่วงนี้มากที่สุด

       ด้านนายแพทย์นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กองสุขศึกษาดำเนินการสำรวจพฤติกรรมป้องกันโรคไข้เลือดออกของประชาชน โดยผลสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,601 คนใน 18 จังหวัดที่เคยมีการะบาดของโรคไข้เลือดออก ได้แก่ สระบุรี สิงห์บุรี ปราจีนบุรี กาญจนบุรี สมุทรสงคราม พัทลุง กระบี่ ปัตตานี จะนทบุรี อุดรธานี สกลนคร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ชัยภูมิ ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และกรุงเทพฯ พบว่าประชาชนร้อยละ 35 ไม่สนใจล้างทำความสะอาดภาชนะเก็บน้ำในห้องน้ำ ซึ่งตามหลักต้องทำทุกสัปดาห์ โดยมีเพียงร้อยละ 63 เท่านั้นที่ทำเป็นประจำ และอีกร้อยละ 31 ไม่เคยตรวจและทำลายลูกน้ำในภาชนะเก็บน้ำในบ้านเช่นน้ำหล่อขาตู้กับข้าว แจกัน ที่เก็บน้ำอื่นๆ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่ควรละเว้น เนื่องจากยุงลายตัวเมียสามารถวางไข่ได้คราวละ 300-400 ฟอง เมื่อเป็นลูกน้ำ จะสามารถกลายเป็นตัวยุงมีปีกบินได้ภายใน 5-7 วัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการถูกยุงลายกัดมากขึ้น






ที่มา.... กระทรวงสาธารณสุข

 


การนั่งหลังตรงช่วยคุณเพิ่มความมั่นใจได้



การนั่งตัวตรง ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจด้านบวกให้กับตัวเอง

      จำได้ว่าสมัยยังเล็ก ๆ พ่อแม่จะพร่ำสอนอยู่เสมอว่า "อย่านั่งหลังงอ" ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบผลของคำสอนนั้นแล้วค่ะ

       การนั่งหลังตรงไม่เพียงแต่ช่วยให้ดูมีบุคลิกดี หากแต่นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ ซึ่งนำทีมโดย ศ.ริชาร์ด เพตตี้ บอกว่ายังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณด้วยค่ะ

      จากการศึกษาโดยการแบ่งกลุ่มอาสาสมัครเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้นั่งหลังตรง และอีกกลุ่มให้นั่งหลังงอ จากนั้นก็ให้เขียนสิ่งที่เป็นด้านบวกและลบ เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่การงานในอนาคตมาอย่างละ 3 ข้อ ซึ่งพบว่า คำตอบของกลุ่มคนที่นั่งหลังตรง จะเขียนข้อมูลด้านบวกเกี่ยวกับตนเองได้รวดเร็ว และมีข้อดีมากกว่าผู้ที่นั่งหลังงอ ซึ่งเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่า การนั่งหลังตรงช่วยเพิ่มพลังการคิดบวกต่อตนเองได้มาก โดยนักวิจัยได้สรุปว่า การนั่งหลังตรงจะส่งผลกระทบต่อความคิดที่มีต่อตนเองค่ะ

      เรียกได้ว่านอกจากบุคลิกดีแล้ว ยังส่งผลให้เกิดความรู้สึกดีต่อตนเองด้วย เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้จะนั่ง ยืน เดิน หลังตรงเข้าไว้ น่าจะดีที่สุด...เลิศ ๆๆ