วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

แพทย์ผิวหนังเตือน...ระวังกระแสคลั่งยาและเทคนิคปรับลีลาชีวิต


จากกระแสของวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่อยากมีผิวใสและ ไรริ้วรวยเหี่ยวย่น จนเกิดการทดลองผลิตภัณฑ์และเทคนิคต่างๆ ที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมกาอาหารและยาแพทย์โรคผิวหนัง ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมมาธิการสาธารณสุขสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าการมีผิวขาวจัดนั้นไม่เหมาะกับคนไทยที่อยู่ในภูมิอากาศที่มีแสงแดดจัดทั้งปี เนื่องจากเม็ดสีใต้ผิวหนังจะทำหน้าที่ป้องกันแสงแดดตามธรรมชาติ ทั้งนี้คนผิวขาวจะมีเม็ดสีขนาดเล็กทำให้ได้รับผลเสียจากแสงแดดมากกว่า ซึ่งผลเสียที่เกิดทันที ได้แก่ ผิวไหม้แดด ผิวคล้ำลงโรคเอสแอลอีที่มีอาการปวดข้อและมีผื่นแดงรูปปีกผีเสื้อที่แก้ม สิว เริม ฝ้า-กระเข้มขึ้น ผลเสียระยะยาวคือ ผิวเหี่ยวแก่ และมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นสีผิวตามธรรมชาติผิวของคนไทยจึงสวยและเหมาะสมกับการดำรงชีวิต ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตนเองให้สวย-หล่อตามกระแส J-Pop หรือ K-Pop

นอกจากนี้ นพ.ประวิตร ยังพบว่าปัจจุบันมีการใช้ยาและเทคนิคปรับลีลาชีวิตค่อนข้างมาก (lifestyle drugs) เช่น ยาปลูกผม ยาลดไขมัน ยาทำให้ผิวขาว ยาฉีดลบรอยย่น (สารพิษ โบทูลินัม) ซึ่งบางคนคลั่งอยากรับการฉีดสารพิษโบทูลินั่ม (Botulinophilia) เนื่องจากการเกิดความผิดปกติทางจิตใจที่เรียกว่า Body dysmorphic disorder โดยจะกังวลว่าตนเองมีความผิดปกติของผิวหนัง หรืออวัยวะไม่ได้สัดส่วน บางคนกังวลเรื่องผมบาง ขนดก รูขุมขนโต ผิวไม่ขาว หน้าเหี่ยวย่น ฯลฯ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ พบอาการซึมเศร้ารุนแรงบ่อยและมีแนวโ้น้มจะฆ่าตัวตายสูง

ดังนั้นแพทย์จึงต้องวินิจฉัยผู้ป่วยที่คลั่งการใช้ยาและเทคนิคลีลาชีวิตให้ได้เร็วที่สุด ห้ามให้การรักษาโดยพลการจ่ายยา ผ่าตัด หรือใช้เทคนิคการเสริมความงามอื่นๆ เพราะจะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าตนเองมีความผิดปกติทางรูปลักษณ์จริง และขาดโอกาสในการได้รับการเยียวยาทางจิตใจ

พูดง่ายๆ ว่าทั้งแพทย์และคนรับการรักษาต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขัน ปัญหาเหล่านี้จะได้ลดลงจากสังคมไทย

บทความ Health Today Thailand

สูงวัย...อย่างสดใส สุขภาพดี


      “ถึงอายุยืนเป็นร้อยปีก็เปล่าประโยชน์ หากต้องอยู่อย่างไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สดใส หรือสุขภาพไม่ดี”

     ความชราเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นคงเปล่าประโยชน์หากต้องมานั่งหาวิธีหยุดยั้งไม่ให้ความชรามากล้ำกราย ที่น่าสนใจคือในเมื่อไม่สามารถหยุดยั้งความชราได้ จะทำอย่างไรให้เราเป็นผู้สูงวัยที่สดใส สุขภาพดี ซึ่งก็ไม่ยากเกินกว่าที่คุณจะทำได้แน่นอน เพียงแค่ “เข้าใจ” และ “เปิดใจ” รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อไปนี้

ทำไมจึงชรา
     การที่เซลล์ในร่างกายไม่สามารถเผาผลาญออกซิเจนที่ร่างกายรับเข้ามาได้หมดจะเกิดเป็นอนุมูลอิสระ เหมือนกับเครื่องยนต์ที่เผาผลาญไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดของเสีย ซึ่งของเสียนี้เองที่ทำให้เกิดความชรา จึงเป็นที่มาของการต้านอนุมูลอิสระที่ผู้คนให้ความสนใจกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการกินผัก ผลไม้หรือแม้แต่อาหารเสริมเพื่อต้านอนุมูลอิสระ แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลให้เราชรา ทั้งปัจจัยที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ ได้แก่ พันธุกรรม อายุ และปัจจัยที่เราสามารถแก้ไขได้แน่นอนเพื่อให้คงอายุเยาว์ มีอายุยืน นั่นก็คือ การกระทำ ของเรานั่นเอง

ทางสายกลาง ขัดขวางความชรา
     ทางสายกลางเป็นหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่นำมาใช้ในชีวิตได้ทุกเรื่องรวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย เพราะหากใช้ชีวิตตามสบายเกินไป ไม่ใส่ใจหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็น บุหรี่ เหล้า ชา กาแฟ อาหารไขมันสูง อาหารเค็มจัด หวานจัด นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน ก็คงยากที่จะมีสุขภาพดีได้ ในทางกลับกันหากเคร่งเครียดในการดูแลสุขภาพมากไปก็อาจทำให้จิตใจเป็นกังวล ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทางกายด้วยในที่สุด เช่น บางคนควบคุมระดับโคเลสเตอรอลได้ระยะหนึ่งแล้วเผลอกินขาหมูเข้าไปทำให้เครียดมากจนนอนไม่หลับ 3 คืน อย่างนี้คงต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าการเผลอกินขาหมูกับการนอนไม่หลับ 3 คืน อย่างไหนแย่กว่ากัน หรือบางคนชอบกินอะไรก็กินอยู่แต่อย่างนั้น กินอย่างอื่นน้อยมาก ผักก็ต้องซื้อจากร้านนั้นร้านนี้เท่านั้น ก็ไม่ดีอีกเหมือนกัน ควรจะเปลี่ยนหรือยืดหยุ่นบ้าง

อย่ากินๆ นอนๆ
     คนที่ออกกำลังกายหรือใช้งานร่างกายจะแข็งแรงกว่าคนที่กินๆ นอนๆ อย่างน้อย 25% และจะสามารถตรึงวัยชะลอความชราไว้ได้แน่นอน ยกตัวอย่างที่เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น พบว่าผู้สูงอายุที่มีอายุกว่า 90 ปียังคงทำประมงตามปกติ ไม่ได้หมายความว่าทำประมงแล้วจะได้มีอายุยืนยาว แต่แสดงให้เห็นว่าการได้ใช้ร่างกายสม่ำเสมอเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้สุขภาพดีและอายุยืนยาว การกินๆ นอนๆ นอกจากไม่ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีแล้วยังทำให้กระดูกไม่แข็งแรงไปด้วย ดังนั้นหากยังสามารถทำกิจกรรมใดๆ ได้อยู่ ก็ควรทำต่อไปให้เป็นปกติเท่าที่ร่างกายเอื้ออำนวย แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ไม่ใช่ใช้มากเกินไปจนเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล

มีสังคม
     การมีสังคมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ใหญ่โต แต่หมายถึงการมีคนไว้คอยพูดคุย มีปฏิสัมพันธ์ได้ เมื่อเครียดมีคนคอยรับฟังทำให้สบายใจขึ้น มีกิจกรรมทำร่วมกัน เช่น นัดดื่มชากันทุกวันอาทิตย์ จะมีกี่คนก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือคนในครอบครัว ดังนั้นหากยังไม่มีก็ควรมองหาคนมาร่วมทำกิจกรรม แบ่งปันความรู้สึกนึกคิดเสียแต่วันนี้

กินอาหารตามภูมิประเทศ
     เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก อาหารไทยเป็นอาหารชั้นยอดสำหรับคนไทย แต่ก็ต้องอย่าลืมทางสายกลาง ปัจจุบันมีอาหารให้เลือกหลากหลายขึ้นก็ควรกินอาหารอื่นๆ นอกเหนือจากอาหารที่ชอบบ้าง ตัวอย่างของอาหารที่ไม่เหมาะกับภูมิประเทศของไทย เช่น น้ำมันมะกอก ซึ่งถึงแม้จะมีราคาแพงที่สุดในโลกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดโทษต่อร่างกายหากนำมาใช้ไม่เหมาะสม ถ้านำน้ำมันมะกอกมาผ่านความร้อนสูงโดยการผัดหรือทอด น้ำมันมะกอกจะเปลี่ยนสภาพเป็นสารที่ทำอันตรายต่อร่างกายได้

      “เข้าใจ” และ “เปิดใจ” รับข้อมูลกันไปแล้ว อย่าลืมนำไปปฏิบัติ แล้วจะพบว่า การเป็นผู้สูงวัยอย่างสดใส สุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องยากเกินทำได้อย่างแน่นอน